คุ้มค่าทุกการใช้งานด้วยสมาร์ทโฟน OPPO A1k
สมาร์ทโฟน OPPO A1k รุ่นเล็ก สำหรับใช้งานทั่วไป
ราคาเปิดตัวของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ถือได้ว่าเป็นจุดเด่นที่สามารถบอกได้ว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างถูกซึ่งนั่นก็อยู่ที่ประมาณ 3,999 บาท ทั้งราคาและสเปคที่ให้มาในโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างคุ้มค่ากับราคา เหมาะสมกับการนำมาใช้งานทั่วๆไปได้เป็นอย่างดี
สมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะมีสีให้เลือกซื้อทั้งหมด 2 สีนั่นก็คือสีดำและสีแดง ขนาดของเครื่องจะอยู่ที่ ยาว 154.5 × กว้าง 73.8 × หนา 8.4 มิลลิเมตร น้ำหนักโดยรวมของตัวเครื่องอยู่ที่ 170 กรัม หน้าจอของตัวเครื่องจะเป็นหน้าจอแสดงผลแบบ LCD ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด HD+ (720 x 1560) อัตราส่วนแบบ 19.5:9 สัดส่วนจอแสดงผลกับตัวเครื่อง 87.43% กระจกหน้าจอขอบนูนแบบ 2.5D Corning Gorilla Glass 3 หน้าจอจะเป็นรูปทรงแบบหยดน้ำที่เรียกกันว่า Waterdrop Display ซึ่งจะเป็นจุดที่ใช้สำหรับวางตัวกล้องหน้าของเครื่องซึ่งมีความละเอียดอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซลโดยที่จะมีขนาดของรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0
ความสามารถของกล้องหลังนั้นจะมีอยู่เพียง 1 กล้องซึ่งจะวางอยู่ที่มุมซ้ายบนของตัวฝาหลังความละเอียดของกล้องหลังจะอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซลและจะมาพร้อมกับไฟแฟลช LED ที่จะอยู่ด้านข้างตัวกล้องโดยที่กล้องนี้จะมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดอยู่ที่ F/2.2
ในส่วนของระบบภายในนั้นทาง Oppo ได้ใส่ชิปเซ็ตประมวลผลแบบ Octa-Core MediaTek Helio P22 ที่มีความเร็ว 2.0 GHz หน่วยประมวลผลของกราฟิกจะเป็น IMG PowerVR GE8320 หน่วยความจำ Ram จะให้มามากถึง 2 GB และหน่วยความจำภายในของตัวเครื่องจะมี 32 GB และยังสามารถรองรับหน่วยความจำเพิ่มเติมได้ในรูปแบบ Micro SD ที่หน่วยความจำสูงสุดถึง 256 GB แบตเตอรี่ของตัวเครื่องนั้นให้มามากถึง 4000 มิลลิแอมป์และตัวเครื่องยังสามารถรองรับระบบเทคโนโลยีการชาร์จเร็วได้หรือที่เรียกว่า Fast Charging ระบบปฏิบัติการของตัวเครื่องจะเป็น Android 9.0 Pie ซึ่งจะถูกครอบทับด้วย ColorOS 6.0 ระบบการรักษาความปลอดภัยจะเป็นระบบสแกนใบหน้า ตัวเครื่องนั้นสามารถรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดได้หรือที่เรียกว่า dual Simซึ่งถาดที่ใช้สำหรับใส่ซิมการ์ดจะเป็นแบบ Triple Slot หรือสามารถใส่ได้ 3 ช่องซึ่งจะมี 2 ช่องเป็นซิมการ์ดและอีก 1 ช่องคือ หน่วยความจำเพิ่มเติมแบบ Micro SD ตัวเครื่องสามารถรองรับการเชื่อมต่อแบบ Wi-Fi 802.11 b/g/n และ Bluetooth 4.2
ตัวเครื่องนี้ยังสามารถรองรับระบบเซ็นเซอร์ได้หลายอย่างโดยได้แก่ระบบสัมผัสแบบหลายจุด, ระบบ Accelerometer Sensor ที่ช่วยในการปรับหมุนทิศทางของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้งาน, ระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน, ระบบ Ambient Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม และ ระบบการปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้า
การออกแบบดีไซน์ของตัวเครื่องนั้นด้านหน้าของตัวเครื่องหน้าจอจะเต็มตัวเครื่องแต่จะมีช่องว่างระหว่างด้านล่างหน้าจอกับตัวเครื่องอยู่ประมาณ 2.5 มิลลิเมตร ด้านบนที่เลยตัวกล้องขึ้นไปจะเป็นลำโพงสำหรับสนทนา ด้านบนก็จะเป็นรูแหว่งรอยหยดน้ำซึ่งเอาไว้สำหรับวางตัวกล้องหน้า ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะเป็นปุ่มเพิ่มและลดเสียง ด้านขวาของตัวเครื่องจะเป็นปุ่มสำหรับเปิดปิดหน้าจอและเปิดปิดเครื่อง ฝาหลังของตัวเครื่องจะมีกล้องและแฟลชวางอยู่ที่มุมซ้ายบนของตัวเครื่องซึ่งจะวางอยู่ในตำแหน่งแนวนอนเรียงจากซ้ายไปขวากล้องและตัว Flash ตรงกลางของตัวฝาหลังเครื่องจะเป็นสัญลักษณ์ Oppo ด้านล่างของตัวเครื่องจะเป็นที่สำหรับพอร์ตต่างๆซึ่งจะสามารถรองรับการชาร์จแบตเตอรี่เข้าสู่เครื่องแบบ Micro USB ซึ่งจะวางอยู่ตรงกลางของด้านล่างโดยที่จะมีไมโครโฟนและลำโพงอยู่บริเวณด้านล่างด้วยตัวเครื่องยังสามารถรองรับการใช้งานหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรซึ่ง port ก็จะอยู่ที่ด้านล่างของตัวเครื่อง
ความสามารถของการใช้งานตัวเครื่องนี้บอกได้เลยว่าหากใช้ติดต่อกันสามารถใช้ได้มากสูงสุดถึง 17 ชั่วโมง เพราะด้วยจำนวนแบตเตอรี่ที่ให้มามากถึง 4000 มิลลิแอมป์และยังให้ระบบที่สามารถรองรับการชาร์จเร็วได้ที่ 5 วัตต์ 2 แอมป์ ถึงอย่างไรก็ตามโทรศัพท์หรือสมาร์ทโฟนในสมัยนี้ก็ไม่สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้อีกต่อไปแล้วและนี่ก็เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่ไม่สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เช่นเดียวกัน
ผู้ใช้งานสามารถเลือกซื้อสินค้าของ Oppo ได้ตามร้านค้าสมาร์ทโฟนชั้นนำทั่วประเทศหรือจะซื้อได้ที่ช็อปของ Oppo เองก็ได้โดยที่ราคาของตัวเครื่องนี้ไม่แพงและค่อนข้างคุ้มค่ากับสเปคที่ทาง Oppo ได้ใส่ให้มา ทางเราแนะนำว่าโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้เหมาะสำหรับการนำมาใช้งานมากกว่าการนำไปใช้ด้านความบันเทิง
แหล่งที่มา : siamphone.com / checkraka.com / whatphone.net / droidsans.com / th.priceprice.com / thaimobilecenter.com / thaimobilecenter.com