Mirror’s Edge Catalyst สุดยอดเกมแอคชั่น มุมมองบุคคลที่หนึ่ง
Mirror’s Edge Catalyst ภาคสองต่อจาก Mirror’s Edge
Mirror’s Edge™ Catalyst เป็นตัวเกมภาคต่อจากภาคแรกที่ทางเราได้เคยนำมานำเสนอในบทความครั้งก่อนหน้านี้ ตัวเกมยังคงเป็นการเล่นแบบมุมมองบุคคลที่หนึ่ง และ ได้มีการพัฒนาระบบต่างๆเพิ่มขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเนื้อเรื่องเรื่องราวต่างๆ หรือ ภาพที่ทำได้อย่างลื่นไหลมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ในภาคแรกนั้นได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจึงได้มีการทำตัวเกมเป็นภาคสองออกมากในชื่อว่า Mirror’s Edge™ Catalyst และ มีการวางขายแล้วในทั่วทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็นใน Steam หรือ origin ในราคาประมาณ 540 บาท ซึ่งเกมนี้จะเป็นเกมที่สามารถเล่นคนเดียว ไม่สามารถเล่นแบบออนไลน์ได้ และ มีเนื้อเรื่องที่เข้มข้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเนื้อเรื่อง พร้อมทั้งระบบการเล่นจากในภาคหนึ่งให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นด้วยในภาคนี้
ระบบการเล่นของตัวเกมยังคงเป็นการเล่นแบบผู้เล่นคนเดียวในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง ตัวเกมนี้จะถูกจัดเอาไว้ในหมวดหมู่เกมแบบ แอ็คชัน และ ผจญภัย โดยผู้พัฒนาของตัวเกมก็ยังคงเป็นทีมงานเดิมนั่นก็คือ DICE และ ผู้จัดจำหน่ายก็ยังคงเป็นทีมงานเดิมเช่นเดียวกันนั้นก็คือ Electronic Arts สำหรับตัวเกมที่ได้วางขายลงในแพลตฟอร์ม Steam นั้นจะถูกวางขายเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2020 แต่ในสำหรับแพลตฟอร์ม origin จะได้ทำการวางขายเมื่อนานมาแล้วในวันที่ 6 มิถุนายน 2016
ภาษาที่สามารถรองรับได้นั้นจะมีมากถึง 10 ภาษาด้วยกัน จะมีอยู่ทั้งหมด 5 ภาษาที่สามารถรองรับระบบ อินเตอร์เฟซ และ ระบบเสียงพากย์ได้ โดยจะมีภาษาดังนี้ ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาญี่ปุ่น และ ภาษารัสเซีย
อีก 5 ภาษาที่เหลือจะสามารถรองรับได้เพียงแค่ระบบอินเตอร์เฟสของตัวเกมเท่านั้นนั่นก็คือ ภาษาอิตาลี ภาษาสเปน ภาษาโปรตุเกส – บราซิล ภาษาโปแลนด์ และ ภาษาจีนตัวเต็ม
สำหรับผู้ที่ต้องการเล่นในคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะความต้องการขั้นต่ำของระบบจะต้องเป็นหน่วยประมวลผลและระบบปฏิบัติการแบบ 64 บิต ระบบปฏิบัติการของตัวเครื่องจะต้องเป็นอย่างน้อย Windows 7 หรือมากกว่า หน่วยประมวลผลของตัวเครื่องจะต้องเป็นอย่างน้อย Intel i3-3250 หรือ AMD FX-6350 หรือมากกว่า หน่วยความจำ Ram ของตัวเครื่องจะต้องมีอย่างน้อย 6 GB สำหรับหน่วยประมวลผลกราฟฟิกจะต้องเป็น NVIDIA GeForce® GTX 650 Ti 2GB หรือ AMD Radeon™ R9 270x หรือมากกว่า พื้นที่ว่างที่จะต้องมีให้สำหรับตัวเกมนี้จะต้องมีอย่างน้อย 25 GB
ตัวเกมจะสามารถวิ่งได้อย่างอิสระมากกว่าเดิมและสามารถสำรวจได้ทุกตารางนิ้วของเมืองที่อยู่ภายในเกม คุณมาจากไหนแต่ตัวเกมก็ยังคง Concept แบบเดิมนั่นก็คือการเดินทางแบบ Parkour คือ การเดินไปตามทางที่ถูกจัดไว้ให้ แต่ตัวเกมก็จะมีความเป็น Open World ค่อนข้างมากเพราะผู้เล่นสามารถเดินไปยังสถานที่ต่างๆได้อย่างอิสระพอสมควร ระบบการเล่นของตัวเกมนี้จะให้ผู้เล่นทำภารกิจที่จะเป็นเนื้อเรื่องหลัก นอกจากนี้ยังมีภารกิจรองที่สามารถเลือกเล่นได้ตามความต้องการของผู้เล่นได้เลย เพื่อใช้เป็นการปลดล็อคสิ่งต่างๆที่อยู่ภายในตัวเกม โดยภารกิจเหล่านั้นก็ยังมีทั้งความท้าทายที่ให้ผู้เล่นได้พิชิตอีกมากมาย
ระบบการเคลื่อนไหวของตัวเกมนั้นได้มีการพัฒนาให้ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ในทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวของตัวละครหลัก เมื่อใดทำการปีนป่ายหรือไต่ไปตามตึกต่างๆ เพื่อให้ผู้เล่นได้รู้สึกถึงน้ำหนักของทุกๆการกระทำของตัวละครหลักอย่าง Faith ทางทีมงานผู้พัฒนาก็ได้มีความพยายามอย่างหนักในการพัฒนาส่วนนี้
ระบบการต่อสู้ในภาคนี้ก็มีความโดดเด่นเช่นเดียวกัน ท่วงท่าของตัวละครที่ใช้ในจังหวะการต่อสู้นั้นก็มีอยู่หลากหลายทำให้ผู้เล่นไม่เบื่อง่ายเลย เช่น การใช้การเสริมแรงจากการไต่กำแพงเพื่อให้การเตะนั้นรุนแรงมากยิ่งขึ้น หรือ การปลดอาวุธของศัตรูเพื่อใช้ในการทำร้ายศัตรู
ตัวเกมได้มีการพัฒนาในส่วนของอุปกรณ์เสริมที่ตัวละครหลักจะสามารถใช้งานได้ ซึ่งสามารถทำการอัพเกรดได้และการอัพเกรดนั้นก็สามารถทำได้ตามใจผู้เล่นได้เลย เนื้อเรื่องของตัวเกมเป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่มีนามว่า Faith และ เป็นเรื่องราวของจุดเริ่มต้นของเธอ และ เรื่องราวหลังจากที่เธอได้ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่เผด็จการแบบนี้
นอกจากที่ตัวเกมยังจะมีให้เลือกซื้อมาเล่นในคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะแล้วยังจะมีให้เล่นได้อีกบนแพลตฟอร์ม PlayStation 4 และ Xbox One อีกด้วย ในแพลตฟอร์ม Steam ที่ได้วางขายตัวเกมก็ได้รับบทวิจารณ์จากผู้เล่นเป็นแง่บวกเป็นอย่างมาก สำหรับใครที่กำลังมองหาเกมภาคสองอย่างเกม Mirror’s Edge Catalyst นี้ก็สามารถเข้าไปซื้อได้แล้ว
สามารถติดตามอ่านข่าวสารอื่นๆได้ที่ : inwesport
แหล่งที่มา : store.steampowered.com / ea.com / origin.com / notebookspec.com / gamingdose.com