Assassin’s Creed Valhalla: Wrath of the Druids เต็มรูปแบบ

สัมผัสอย่างเต็มรูปแบบ  Assassin’s Creed Valhalla ความโกรธเกรี้ยวของดรูอิดในครั้งนี้สนุกขนาดไหน

Assassin’s Creed Valhalla: Wrath of the Druids แม้จะให้เราไปลุยแผ่นดินใหม่ แต่แก่นหลักของเกมเพลย์ยังคงอยู่ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ทางบก การรุกรานทางน้ำ ทุกอย่างยังทำได้ในแผนที่ใหม่ เพิ่มเข้ามาด้วยสองระบบหลักที่จะเป็นพระเอก-นางเอก ในหัวข้อนี้ นั่นก็คือ Trade Post และ Royal Demands

Trade Post ถือเป็นแก่นหลักที่แท้จริงของภาคนี้ เนื่องด้วยตัวเอกถูกชักชวนมายัง Ireland เพราะความต้องการจะค้าขาย ในแผ่นดินนี้ คุณจะพบกับทรัพยากรใหม่ ๆ หลายชนิด และภารกิจของคุณคือ ต้องนำทรัพยากรเหล่านั้นไปทำการแลกเปลี่ยนกับคู่ค้า เพื่อสร้างชื่อเสียงให้ Trade Post ของเมืองดับลิน ขจรขจายไปไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยการจะรับทรัพยากรเหล่านี้ คุณต้องทำการยึด Port ทั้งหลาย ที่ขาดการติดต่อไปด้วยสาเหตุต่าง ๆ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

และ Royal Demands ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ให้ทรัพยากรเหล่านั้นด้วย อธิบายง่าย ๆ มันคือภารกิจที่ได้รับจากเหล่า King ของดินแดนนี้ ก็จะวน ๆ อยู่ที่การฆ่า ขโมยของกลับมา บลา ๆ แต่จุดที่แตกต่างจากภารกิจปกติ คือมันจะมีคำขอพิเศษติดมาด้วย เช่น ห้ามฆ่าคนโดยไม่จำเป็น, ห้ามถูกตรวจจับ หรือห้ามโดนโจมตีเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้เกมการเล่นค่อนข้างท้าทายกว่าปกติ

เมื่อคุณได้ทรัพยากรมา คุณจะต้องนำไปใช้ที่ Trade Post ผ่าน NPC เป็นอันเสร็จสิ้น โดยยิ่งคุณเทรดเยอะมากเท่าไหร่ ชื่อเสียงของเมืองดับลินในฐานะศูนย์กลางการค้าก็จะยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อเกมการเล่นด้านอื่น ๆ

สำหรับศัตรูในภาคนี้ เรามีเหล่าดรูอิด และลัทธิ Children of Danu มาให้สอยเล่นอีกเช่นเคย โดยเหล่าดรูอิท จะเป็นพวกเล่นสารลวงตาทั้งหลาย ทำให้เราเห็นศัตรู แปรสภาพเป็นสิ่งที่ไม่น่ามีอยู่จริงในโลก ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หมาป่า ปีศาจกวาง บลา ๆ ทำให้เราต้องคิดแผนใหม่ ๆ ในการเล่นให้เยอะขึ้น ไม่ใช่ว่าตี ๆ บล็อค ๆ แล้วจะจบเหมือนเมื่อก่อน โดยเฉพาะช่วงหลัง ตัวเกมอัดศัตรูระดับสูงมาพร้อม ๆ กันทีละหลาย ๆ ตัวเพื่อต้อนเราจนมุมให้ได้ แต่ตรงนี้ไม่ต้องกังวล เพราะถ้าเล่นมาได้ขนาดนี้ ศัตรูเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลย

เมื่อมามองภาพรวม ตรงนี้เหมือนผู้สร้างเขารู้ว่าเกมเพลย์หลักมันมีจุดอ่อนตรงไหนบ้าง อย่างในเกมหลัก ระบบ Progression มันกึ่ง ๆ บังคับเรามากเกินไป ถ้าไม่ทำก็จะไปต่อไม่ได้ แถมภารกิจก็ไม่ได้มีความน่าสนใจ ก็แค่สืบหา ฆ่า สืบหา ฆ่า ไปเรื่อย ๆ จะมาพีคจริง ๆ ตรงที่บุกยึดปราสาท แต่มันก็ไม่ได้มีให้เล่นบ่อย ๆ ฉะนั้นใน DLC นี้ เขาก็เลยทำให้ Trade Post เป็นระบบที่ไม่ต้องไปยุ่งอะไรมันมาก เพียงเปิดทิ้งไว้ เหล่า Port ทั้งหลายก็จะเทรดทรัพยากรมาให้คุณเอง คุณมีหน้าที่เพียงเข้าไปเก็บรวบรวมก้อนใหญ่เมื่อถึงเวลา และนำไปเทรดของที่คุณอยากได้แค่นั้น

รวมถึง Royal Demands ก็ออกมาแก้ความน่าเบื่อของมิชชันทั้งหลาย ที่วนซ้ำไปซ้ำมาแบบนั้น แถมไม่มีควา่มท้าทายใด ๆ เลย ฉะนั้นเมื่อมีฟังก์ชันนี้เพิ่มเขามา เราก็เหมือนได้ท้าทายตัวเองเพิ่ม แม้มันจะล้มเหลวบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขนาดว่าเกมโอเวอร์ มิชชันเฟลไปเลย เรายังได้โอกาสแก้ตัว แต่รางวัลที่ได้ก็จะน้อยลงแค่นั้น

ประสิทธิภาพ

ในแง่ประสิทธิภาพ อาจจะพูดอะไรไม่ได้มาก พูดได้แค่ว่า มันกินสเปกในระดับเดียวกับแผนที่หลัก ซึ่งนั่นก็คือ England เพราะมันไม่ได้มีเอฟเฟกต์ใด ๆ มากมาย จะมีก็แต่ในช่วงเวลาฝนตก ต่างกับแผนที่ Norway ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ตรงจุดนี้จะสร้างภาระให้เครื่องเป็นพิเศษ แต่เมื่อเราพูดถึง Ireland ในหัวข้อนี้ บอกได้เลยว่า ถ้าคุณเล่นเกมหลักจนจบได้โดยไม่มีปัญหา คุณก็เล่นแผนที่นี้ได้อย่างไม่มีปัญหาเช่นกัน

ปัญหาเรื่องบั๊กแรง ๆ ยังคงมีอยู่ ในระหว่างที่เล่นมาราว ๆ สิบชั่วโมง ภารกิจ Royal Demands เริ่มออกอาการแปลก ๆ เพราะปกติมันจะจบภารกิจด้วยตัวเอง หากเราออกจากพื้นที่ภารกิจ แต่มีครั้งหนึ่งที่มันไม่ยอมจบภารกิจ

พร้อมขึ้นแจ้งเตือนให้เราอยู่ในสถานะไม่ถูกตรวจพบก่อน และขึ้นแจ้งเตือนแบบนั้นอยู่ราว ๆ 20 นาทีจนต้องออกเกมเข้าใหม่ พอออกเกมเข้าใหม่ เซฟกลับถูกรีโรลไปช่วงที่ยังทำภารกิจไม่สำเร็จ กลายเป็นว่าต้องมานั่งเล่นใหม่อีกรอบ

ยังไม่หมด ปัญหาเพื่อนร่วมทีมจมพื้นยังคงมี การอู้ไม่มาเปิดกล่องตามคำสั่งก็ยังมี แถมยังมีไฮไลท์สุดเด็ดที่เราภูมิใจนำเสนอ นั่นก็คือการที่เกมกด Fast Travel ไปยังพื้นที่ที่ไม่เคยเปิดใช้มาก่อนได้ ตรงนี้ถึงกับงงว่าเกิดขึ้นได้ยังไง แต่เมื่อเงยหน้ามาดูชื่อเกม เห็นคำว่า Assassin’s Creed Valhalla ก็หายแปลกใจเลย เพราะเกมนี้มันก็บั๊กเป็นปกติอยู่แล้ว

สรุป

แม้ Assassin’s Creed Valhalla: Wrath of the Druids จะไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรใหม่ ๆ ให้ตัวเกมมากนัก แต่โดยรวม มันคือการพัฒนาและแก้ไขเรื่องแย่ ๆ ในตัวเกมหลัก ให้กลับมาดูดีขึ้น โดยเฉพาะเกมเพลย์ ที่สนุก ลื่นไหล และท้าทายกว่ามาก ด้วยระบบใหม่ทั้งสองระบบ ที่เข้ามาช่วยสมดุลการเล่น รวมถึงมีเนื้อหาที่น่าสนใจ

แม้ไม่ได้โดดเด่น แต่ใช้คำว่าสนุกได้เลย แต่เนื่องด้วยปัญหาด้านประสิทธิภาพ รวมถึงปัญหาด้านสภาพแวดล้อม ความเป็นพลวัตในเกม ที่ตามติดมาตั้งแต่เกมหลัก ทำให้ส่วนเสริม Wrath of the Druids อยู่ในระดับพอใช้ ไม่ได้ดี แต่ก็ไม่ได้แย่แต่ประการใด

https://www.gamingdose.com/review/%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%a7-assassins-creed-valhalla-wrath-of-the-druids/

เว็บไซต์ข่าวเกม ข่าวความเคลื่อนไหววงการเกม ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม ทั้งเกมออนไลน์ และ ออฟไลน์ ทั้ง  PC และเกมมือถือ รีวิวเกม แนะนำเกมน่าเล่น พร้อมคู่มือการเล่น สูตรเกมอีกมากมาย  การแข่งขันเกม E-sport แบบเจาะลึก ต้องที่นี่ inwesport